8 เทคนิคง่ายๆในการรักษาสิวอักเสบให้หายได้อย่างเร่งด่วน

นอกจากการใช้วิธีการรักษาสิวอักเสบด้วยวิธีต่างๆที่คนเป็นสิวต้องใส่ใจให้มากเป็นพิเศษแล้ว การดูแลตัวเองในขณะที่เป็นสิวอักเสบให้ถูกวิธีไปพร้อมๆกับการรักษาสิวอักเสบนั้น ถือเป็นอีกเทคนิคง่ายๆที่คนเป็นสิวอักเสบไม่ควรที่จะมองข้ามโดยเด็ดขาดเพราะการดูแลตัวเองในขณะที่เป็นสิวอย่างถูกวิธี นอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดสิวใหม่ที่เกิดขึ้นมาบนผิวได้เป็นอย่างดีแล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีไปพร้อมๆกับการใช้วิธีรักษาสิวอักเสบให้หายด้วยวิธีต่างๆนั้น ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้การรักษาสิวอักเสบที่ใครหลายๆคนเลือกใช้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังสามารถจัดการสิวอักเสบที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าให้หายได้เป็นอย่างดีด้วย

วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะนำเอาเทคนิควิธีการดูแลตัวเองง่ายๆสำหรับกลุ่มคนที่เป็นสิวอักเสบมาแชร์ให้เพื่อนๆได้ลองนำไปใช้กัน รับรองว่าถ้าเพื่อนๆคนไหนสามารถดูแลตัวเองได้ตามเทคนิควิธีการเหล่านี้ปัญหาสิวอักเสบที่เป็นปัญหาใหญ่ต้องยุบลงจากผิวหน้าได้อย่างง่ายดายอย่างแน่นอน

1.ความสะอาดถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนเป็นสิวเป็นอย่างมากเพราะการทำความสะอาดผิวหน้าตามแนวรูขุมขนและใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อคนเป็นสิวโดยเฉพาะจะช่วยลดการเกิดสิวและบรรเทาความรุนแรงของสิวอักเสบได้เป็นอย่างดี

2.หยุดพฤติกรรมการสัมผัสผิวหน้าโดยไม่จำเป็นเพราะการสัมผัสผิวหน้าบ่อยจนเกินความจำเป็นรวมไปถึงการขัดถูผิวแรงๆ จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้สิวอักเสบเกิดอาการเห่อและลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมได้

3.งดการสครับผิวหรือการขัดผิวออกไปก่อนเพราะการสครับผิวและการขัดผิว ล้วนแล้วแต่เป็นตัวการสำคัญที่กระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคืองและการอักเสบอย่างหนักนั่นเอง

4. ควรจัดการความเครียดให้ได้เพราะความเครียดถือเป็นอีกตัวกระตุ้นที่ทำให้ผิวมีสภาพผิวที่เสื่อมโทรมลงและยังเป็นตัวการที่ทำให้สิวอักเสบเห่อมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

5.ดื่มน้ำเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหรือจะจิ๊บบ่อยๆตลอดทั้งวันก็ได้เพราะน้ำถือเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวและป้องกันปัญหาผิวแห้งได้เป็นอย่างดี

6.กินผักผลไม้อย่างสม่ำเสมอเพื่อเติมสารอาหารและวิตามินต่างๆให้กับผิวให้ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่

7. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอางในขณะที่เป็นสิวอักเสบและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารก่อให้เกิดการอุดตันเพราะสารเหล่านี้อาจจะเป็นตัวการที่กระตุ้นให้สิวอักเสบเกิดอาการเห่อและลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมได้

8.ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอเพราะครีมกันแดดถือเป็นอีกตัวช่วยในการปกป้องผิวจากการทำลายของแสงแดดได้เป็นอย่างดี

สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่กำลังเป็นสิวอักเสบอยู่ในขณะนี้และกำลังจัดการสิวอักเสบที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าด้วยวิธีรักษาสิวอักเสบวิธีต่างๆ ไม่ควรพลาดที่จะเอาเทคนิควิธีการดูแลตัวเองง่ายๆในขณะที่เป็นสิวอักเสบเหล่านี้ไปใช้ควบคู่กับการรักษาสิวอักเสบกันโดยเด็ดขาดเพราะการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีไปพร้อมๆกับการรักษาสิวอักเสบด้วยวิธีต่างๆนั้นจะช่วยให้การรักษาสิวอักเสบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและยังเป็นตัวช่วยในการจัดการสิวอักเสบที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าให้หายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

กู้ผิวจากสเตียรอยด์ให้หายสู่ผิวใส สุขภาพดี

ถ้าพูดถึงปัญหาผิวที่ผิวเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนในปัจจุบันนี้เป็นอย่างมากก็คงจะหนีไม่พ้นปัญหาผิวอย่าง สิวสเตียรอยด์ กันอย่างแน่นอนเพราะสิวสเตียรอยด์ที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้านั้น มักจะเป็นตัวการและต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวบริเวณนั้นเสื่อมโทรมและอ่อนแอลงและมักจะเป็นต้นเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิดปัญหาผิวต่างๆตามมาได้ง่ายๆนั่นเอง การรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยวิธีการรักษาสิวอย่างอ่อนโยนจึงถือเป็นวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ที่คนเป็นสิวไม่ควรที่จะมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยสมุนไพรไทยถือเป็นวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ที่นอกจากจะเป็นการรักษาสิวให้หายด้วยวิธีการรักษาสิวอย่างอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวที่กำลังบอบบางอยู่แล้ว วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยสมุนไพรไทยยังเป็นการฟื้นฟูผิวที่กำลังเสื่อมโทรมและบอบบางให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีและแข็งแรงได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

โดยวิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ให้หายด้วยสมุนไพรไทยนั้นก็มีวิธีการและขั้นตอนการรักษาที่ง่ายแสนจะง่ายที่คนเป็นสิวสเตียรอยด์สามารถนำไปใช้ในการจัดการสิวที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าให้หายได้ ดังนี้

1.พอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ การพอกหน้าด้วยว่านหางจระเข้เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้น ว่านหางจระเข้สมุนไพรไทยฤทธิ์เย็นจะช่วยเข้าไปปลอบประโลมผิวที่กำลังบอบบางให้ค่อยๆฟื้นฟูตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้นและว่านหางจระเข้ยังเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวและยังป้องกันการลุกลามและอาการเห่อของสิวสเตียรอยด์ที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

2.พอกหน้าด้วยใบบัวบก การพอกหน้าด้วยใบบัวบกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอนั้น ใบบัวบกสมุนไพรไทยฤทธิ์เย็นอีกชนิดที่มีส่วนช่วยในการสมานแผลและยังมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของผิวได้เป็นอย่างดี การพอกหน้าด้วยใบบัวบกเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอจะมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของสิวสเตียรอยด์และยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาความรุนแรงและลดการลุกลามของสิวสเตียรอยด์ที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนั่นเอง

วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ง่ายๆด้วยสมุนไพรไทยทั้ง 2 วิธีที่นำเอาสมุนไพรไทยมาใช้ในการพอกหน้ารักษาสิวสเตียรอยด์นั้น นอกจากจะเป็นวิธีรักษาสิวจากธรรมชาติที่สามารถจัดการกับสิวสเตียรอยด์ที่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้าให้หายได้อย่างอ่อนโยนโดยไม่ทำลายผิวให้เสื่อมโทรมหรือบอบบางลงมากกว่าเดิมแล้ว วิธีรักษาสิวสเตียรอยด์ด้วยสมุนไพรไทยยังเป็นอีกวิธีในการปลอบประโลมผิวและช่วยในการฟื้นฟูผิวที่เสื่อมโทรมและบอบบางจากการทำลายของสารสเตียรอยด์ให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีได้ง่ายๆอีกด้วย

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

จัดการสิวอักเสบตรงจุดเพื่อสยบสิวอักเสบให้หายโดยไม่ทิ้งรอยสิว

“สิวอักเสบ” ปัญหาผิวที่ใครหลายๆคนกำลังเผชิญอยู่นอกจากจะเป็นปัญหาผิวที่ทำให้ผิวบริเวณนั้นเสื่อมโทรมและอ่อนแอลงได้อย่างง่ายดายแล้ว สิวอักเสบยังเป็นอีกตัวการสำคัญที่ทำให้ใครหลายๆคนขาดความมั่นใจในการออกไปเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆให้ลดน้อยลงได้อีกด้วย เพราะแบบนี้การรู้ถึงประเภทของสิวอักเสบจึงถือเป็นสิ่งที่คนเป็นสิวอักเสบอย่างเราๆไม่ควรที่จะมองข้ามโดยเด็ดขาดเพราะการศึกษาหรือรู้ถึงประเภทของสิวอักเสบที่กำลังผุดขึ้นมาบนผิวหน้าของเราว่าอยู่ในระยะไหนและมีความรุนแรงมากแค่ไหนเพื่อนำไปใช้ในการเลือกวิธีการรักษาสิวอักเสบตามความรุนแรงของสิวอักเสบที่ผุดขึ้นมาบนผิวหน้าก็จะช่วยทำให้สิวอักเสบปัญหาผิวที่ทำให้ใครหลายๆคนกังวลใจค่อยๆยุบตัวลงและหายไปจากผิวหน้าได้อย่างง่ายดายนั่นเอง

โดยประเภทของสิวอักเสบที่มักจะผุดขึ้นมาบนผิวหน้าของเรานั้น มักจะมีระดับความรุนแรงจากระดับความรุนแรงที่น้อยที่สุดไปจนกระทั่งความรุนแรงที่มากที่สุด ซึ่งในแต่ละระดับความรุนแรงของสิวอักเสบนั้นก็จะมีวิธีและขั้นตอนการรักษาที่แตกต่างกันออกไปตามระดับความรุนแรงของสิว โดยประเภทของสิวอักเสบในแต่ละประเภทนั้นก็จะมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้

1.สิวอักเสบประเภทตุ่มนูนแดงเป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงน้อยที่สุดเพราะจะเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดค่อนข้างเล็ก โดยจะมีลักษณะเป็นตุ่มโดนแดงขึ้นมาบนบริเวณผิว โดยสิวอักเสบประเภทนี้จะใช้วิธีการรักษาในขั้นพื้นฐานได้เพราะเป็นสิวอักเสบที่ยังไม่มีความรุนแรงมากเหมือนสิวอักเสบประเภทอื่น

2.สิวอักเสบประเภทหัวหนองเป็นสิวอักเสบที่มีหนองอยู่ภายในหัวสิว ซึ่งสิวอักเสบในประเภทนี้จะมีความรุนแรงมากกว่าสิวอักเสบในประเภทแรกเพราะถ้ามีการปล่อยให้สิวอักเสบประเภทนี้อยู่บนผิวหน้านานๆก็จะทำให้สิวอักเสบสามารถทิ้งรอยสิวไว้ให้ดูต่างหน้าได้

3.สิวอักเสบประเภทตุ่มแดง ก้อนลึก ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับสิวอักเสบในประเภทแรกแต่จะเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่กว่าและเมื่อสัมผัสสิวอักเสบในประเภทนี้จะรู้สึกว่ามีก้อนแข็งเป็นไตอยู่ภายในหัวสิวซึ่งสิวอักเสบในประเภทนี้จะมีความรุนแรงที่ค่อนข้างมากขึ้นกว่าสิวอักเสบประเภทอื่นๆ เพราะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาที่ค่อนข้างนานและต้องเลือกใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมและระมัดระวังเพื่อจัดการกับสิวอักเสบในประเภทนี้ให้ยุบตัวลงโดยไม่ทิ้งรอยสิวไว้นั่นเอง

4.สิวอักเสบประเภทถุงใต้ผิวหนังถือเป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงที่มากที่สุดในกลุ่มของสิวอักเสบประเภทอื่นๆเลยก็ว่าได้ ซึ่งสิวอักเสบประเภทนี้จะมีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาบนผิวหน้า ซึ่งวิธีการรักษาสิวประเภทนี้ควรรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยตรงเท่านั้น ห้ามรักษาสิวประเภทนี้เองโดยเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้สิวเกิดอาการเห่อและลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมจนรักษาให้หายได้ยากกว่าเดิมนั่นเอง

อย่างที่เราเห็นข้างต้นนั้นถือว่าอักเสบในแต่ละประเภทก็มักจะมีความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไปและวิธีการรักษาสิวอักเสบที่นำมาใช้ในการรักษาสิวอักเสบในแต่ละประเภทนั้นก็มักจะแตกต่างกันออกไปอีกด้วย ดังนั้นสำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบอย่างเราแล้วการสังเกตถึงประเภทของสิวที่ผุดขึ้นมาบนผิวหน้าและเลือกวิธีการรักษาสิวให้ตรงตามประเภทของสิวและความรุนแรงของสิวอักเสบจึงถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากเพราะถ้าเลือกใช้วิธีการรักษาสิวอักเสบที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ตรงตามความรุนแรงของสิวก็อาจจะยิ่งทำให้สิวอักเสบเกิดอาการเห่อและลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมได้นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

เร่งรอยแดงจากสิวให้หายด้วยสมุนไพรไทย

ถ้าพูดถึงสมุนไพรไทยที่มีมาเพื่อบำรุงผิวและจัดการปัญหาผิวต่างๆให้หายได้เป็นอย่างดี อย่าง ว่านหางจระเข้ เชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักอย่างแน่นอนเพราะว่านหางจระเข้สมุนไพรไทยที่นอกจากจะมีส่วนช่วยในการเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวและบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดีแล้ว ว่านหางจระเข้ยังถือเป็นอีกสมุนไพรไทยที่มีส่วนช่วยในการรักษารอยแผลที่เกิดจากไฟไหม้, น้ำร้อนลวกหรือช่วยบรรเทาอาการผิวไหม้ แห้งกร้านที่เกิดจากการทำลายของแสงแดดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ว่านหางจระเข้เลยกลายเป็นสมุนไพรในการบำรุงผิวและรักษาปัญหาผิวชนิดต่างๆให้หายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง ใครหลายๆคนเลยนิยมที่จะนำเอาสมุนไพรขึ้นชื่อในเรื่องของผิวมาใช้ในการบำรุงและรักษาปัญหาผิวต่างๆที่เกิดขึ้นมาบนผิวนั่นเอง

โดยเฉพาะการนำเอาว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษารอยแดงจากสิว ยิ่งถือเป็นวิธีการรักษารอยแดงจากสิวด้วยธรรมชาติที่ใครหลายๆคนนิยมเลือกใช้กันเป็นอย่างมากเพราะการนำเอาว่าทางจระเข้มาใช้ในการรักษารอยแดงจากสิวนั้น ถือเป็นตัวช่วยในการรักษารอยแดงจากสิวที่ช่วยทำให้รอยแดง รอยดำและรอยสิวค่อยๆจางและหายไปได้อย่างรวดเร็ว โดยวิธีที่ใช้ในการรักษารอยแดงจากสิวก็ยังเป็นวิธีการแบบง่ายๆที่ใครก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองเพราะเพียงแค่นำเอาวุ้นใสๆที่ได้จากว่านหางจระเข้มาพอกบริเวณที่เกิดรอยแดงหรือพอกให้ทั่วทั้งหน้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ แต่สำหรับใครที่ไม่มีว่านหางจระเข้แบบสดก็สามารถใช้เจลว่าทางจระเข้ที่มีขายตามร้านเสริมความงามต่างๆมาใช้ในการพอกหน้าก็ได้เหมือนกัน เมื่อพอกว่านหางจระเข้ลงไปบริเวณผิวเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ว่านหางจระเข้จะค่อยๆเข้าไปช่วยฟื้นฟูสภาพผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมามีสุขภาพผิวที่ดีมากยิ่งขึ้นและยังช่วยจัดการรอยแดงจากสิวให้ค่อยๆจางและหายไปได้อย่างง่ายดายนั่นเอง

ดังนั้น การเลือกใช้ว่านหางจระเข้มาใช้ในการรักษารอยแดงจากสิวจึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการรักษารอยแดงจากสิวที่กลุ่มคนที่กำลังเจอปัญหารอยแดงจากสิวไม่ควรพลาดที่จะลองนำไปใช้โดยเด็ดขาดเพราะนอกจากจะเป็นวิธีการรักษารอยแดงจากสิวที่สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตัวเองแล้ว สมุนไพรไทยที่ใช้ในการรักษารอยแดงจากสิวยังเป็นสมุนไพรราคาถูกที่สามารถหาได้ตามท้องถิ่นอีกด้วย เพราะแบบนี้ในกลุ่มคนที่กำลังโดนรอยแดงจากสิวบุกอยู่ไม่ควรพลาดที่จะไปหาว่านหางจระเข้มาไว้พอกหน้าเพื่อจัดการรอยแดงที่เกิดจากสิวกันโดยเด็ดขาด

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

ธรรมชาติรักษาสิวหนองให้หายโดยไม่ทิ้งรอยสิว

ในปัจจุบันการวิธีรักษาสิวหนองให้หายถือว่ามีอยู่มากมายหลากหลายวิธีเป็นอย่างมาก ทั้งการรักษาสิวหนองด้วยวิธีการใช้ยารักษาสิว ,การรักษาสิวด้วยผลิตภัณฑ์รักษาสิวชนิดต่างๆที่มีขายตามร้านขายยาหรือคลินิกรักษาสิว ,การรักษาสิวด้วยวิธีการทางธรรมชาติและการรักษาสิวด้วยวิธีการทางหัตถกรรมทางการแพทย์ที่นำเอาวิธีการต่างๆมาเพื่อใช้ในการรักษาสิวหนองให้หายไปจากผิวหน้า ซึ่งในแต่ละวิธีก็จะสามารถรักษาสิวหนองให้หายได้แตกต่างกันออกไปตามวิธีการรักษาสิวในแต่ละวิธี เพราะแบบนี้การรักษาสิวหนองให้หายเลยดูเป็นเรื่องเล็กสำหรับคนที่เป็นสิวหนองเพราะวิธีการรักษาสิวที่หลากหลายในการรักษาสิวให้หายได้ง่ายๆนั่นเอง

ซึ่งในปัจจุบันการรักษาสิวหนองให้หายอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับคนที่เป็นสิวหนองก็จริง แต่การรักษาสิวหนองให้หายโดยไม่ทิ้งร่องรอยของสิวถือเป็นเรื่องที่ใครหลายๆคนยังคงให้ความสนใจและสรรหาวิธีการรักษาสิวหนองให้หายโดยไม่ทิ้งรอยสิวต้องกวนใจกันเป็นจำนวนมาก โดยการรักษาสิวหนองให้หายโดยไม่ทิ้งรอยสิวในปัจจุบันอาจจะมีอยู่มากมายหลากหลายวิธีก็จริง แต่การรักษาสิวหนองให้หายด้วยวิธีธรรมชาติที่ใครๆก็สามารถทำได้ด้วยตัวเองถือเป็นวิธีการรักษาสิวที่จะไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้เพราะการรักษาสิวหนองด้วยวิธีธรรมชาติที่นำเอาสมุนไพรไทยที่มีอยู่ตามท้องถิ่นหรือในบางคนอาจจะมีอยู่ติดครัวอยู่แล้วมาใช้ในการรักษาสิวหนองก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาสิวที่นอกจากจะสามารถรักษาสิวหนองให้หายไปจากหน้าได้อย่างง่ายดายแล้ว ยังเป็นวิธีการรักษาสิวที่ไม่มักจะไม่ทิ้งรอยสิวไว้ต้องให้ใครหลายๆคนต้องกวนใจอีกด้วยและที่สำคัญไปกว่านั้นการรักษาสิวด้วยวิธีการธรรมชาติที่นำเอาสมุนไพรไทยมาใช้ในการรักษาสิวยังเป็นการบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นและกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

ดังนั้น วิธีการรักษาสิวด้วยธรรมชาติที่นำเอาสมุนไพรไทยมาใช้ในการรักษาสิวหนองจึงถือเป็นวิธีการรักษาสิวที่คนเป็นสิวไม่ควรที่จะมองข้ามและนำเอาวิธีรักษาสิววิธีนี้ไปลองใช้ในการรักษาสิวหนองให้หายโดยเด็ดขาดเพราะสรรพคุณของสมุนไพรไทยไม่ได้มีดีแค่รักษาสิวหนองให้หายแต่ยังช่วยบำรุงผิวให้มีสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆกันอีกด้วย ใครที่กำลังมองหาวิธีการรักษาสิวหนองให้หายโดยไม่ทิ้งรอยสิวและบำรุงผิวให้มีสุขภาพที่ดีไม่ควรพลาดที่จะนำวิธีนี้ไปลองใช้กันโดยเด็ดขาด

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

สบู่รักษาสิวจากสมุนไพรที่จัดการสิวในพริบตา

การรักษาสิวให้หายด้วยสบู่รักษาสิว ไอเทมในการล้างทำความสะอาดผิวหน้าที่ใครก็รู้จักกันเป็นอย่างดีนั้นถือเป็นวิธีการรักษาสิวยอดฮิตที่ใครหลายๆคนเลือกใช้และให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากเพราะการรักษาสิวให้หายด้วยการใช้สบู่รักษาสิวถือเป็นตัวช่วยในการรักษาสิวที่ไม่เพียงแค่สามารถรักษาสิวให้หายได้แทบทุกประเภท ทั้งสิวอุดตัน, สิวอักเสบหรือแม้กะทั้งสิวหนองให้หายไปจากผิวได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่สบู่รักษาสิวยังเป็นตัวช่วยสำคัญอีกอย่างที่มีส่วนช่วยในการลดการเกิดสิวใหม่และยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้เรียบเนียน กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดีอีกด้วย วิธีการรักษาสิวด้วยสบู่รักษาสิวจึงถือเป็นอีกไอเทมรักษาสิวที่คนเป็นสิวต้องมีไว้ติดบ้านห้ามไม่ให้ไม่มีในบ้านโดยเด็ดขาด

โดยเฉพาะการใช้สบู่รักษาสิวที่หาซื้อได้ง่ายๆตามร้านค้าทั่วไป อย่าง สบู่รักษาสิวจากสมุนไพรไทยที่อัดแน่นไปด้วยส่วนผสมของสมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อในการรักษาสิวให้หาย ทั้ง ทานาคา, ว่านหางจระเข้, ขมิ้นชัน, มะละกอหรือแม้กระทั่งสมุนไพรอีกหลากหลายชนิดที่มีคุณสมบัติในการรักษาสิวก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรไทยที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย, ลดการอักเสบของสิว, ลดการอุดตันในรูขุมขน, ลดการเกิดสิวใหม่, ช่วยรักษาสิวที่ผุดขึ้นมาบนหน้าให้แห้งและยุบตัวลงได้อย่างรวดเร็วและที่สำคัญไปกว่านั้นสมุนไพรไทยที่นำมาใช้ในการรักษาสิว ยังไม่ได้มีดีเพียงแค่รักษาสิวให้หายเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผิวหน้าให้เนียนนุ่ม กระจ่างใสและยังเสริมเกาะความแข็งแรงให้กับผิวห่างไกลปัญหาผิวต่างๆได้ดีอีกด้วย ซึ่งเรียกว่าเป็นสมุนไพรไทยที่ขึ้นชื่อทั้งในเรื่องการรักษาสิวให้หายโดยเฉพาะและยังช่วยในการบำรุงผิวด้วยนั้นเองเพราะอย่างนี้สบู่รักษาสิวที่สกัดมาจากสมุนไพรไทยจึงเป็นอีกวิธีรักษาสิวที่คนเป็นสิวต้องมีไว้ติดบ้านเพื่อนำมาใช้ในการทำความสะอาดผิวไปพร้อมๆกับการรักษาสิวให้หายนั้นเอง

วิธีรักษาสิวแบบง่ายๆที่ใช้เพียงสบู่รักษาสิวที่อัดแน่นไปด้วยสมุนไพรไทยแค่ก้อนเดียวก็สามารจัดการสิวที่ผุดขึ้นมาบนผิวหน้าให้หายได้อย่างง่ายดายแล้วและยิ่งเป็นสบู่รักษาสิวที่มาจากสมุนไพรไทยด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องสรรพคุณเพราะเพียงแค่ใช้สบู่รักษาสิวในการล้างทำความสะอาดผิวหน้าง่ายๆเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้คุณก็มีผิวหน้าที่สุขภาพดีไปพร้อมกับผิวที่ห่างไกลจากปัญหาสิวได้ง่ายๆแล้ว

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

ผิวหน้ากระจ่างใสด้วยงบประหยัด

การดูแลผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ โดยการฉีดผิวหรือการเลเซอร์ผิว อาจจะดูเป็นวิธีทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ง่ายๆภายในพริบตาก็จริงเพราะวิธีการดูแลผิวให้กระจ่างใส อย่าง การฉีดผิวหน้าหรือการเลเซอร์ผิวนั้นเป็นวิธีการดูแลผิวที่สามารถทำให้ผิวหน้าแลดูกระจ่างใสได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ เรียกว่าเป็นวิธีที่เห็นผลทันทีที่ใช้นั้นเอง วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ใครหลายๆคนให้ความสนใจและเลือกใช้กันเป็นอย่างมากเพราะเป็นวิธีที่ทำให้หน้ากระจ่างใสได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจนทันที แต่สำหรับใครที่มีงบในการดูแลผิวที่ค่อนข้างจะจำกัดหรือไม่ค่อยมากสักเท่าไร การเลือกใช้วิธีทำให้หน้าใสด้วยวิธีนี้ก็ค่อนข้างจะไม่เหมาะสักเท่าไรเพราะวิธีทำให้หน้าใส วิธีนี้เป็นวิธีที่อาจจะต้องใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

แต่สำหรับคนที่มีงบน้อยหรือมีงบที่ค่อนข้างจำกัดก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีในการดูแลผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้เลยเพราะการดูแลผิวให้กระจ่างใสด้วยวิธีธรรมชาติที่ใครหลายคนยังอาจจะยังไม่รู้ อย่าง การกินผัก ผลไม้ที่อัดแน่นไปด้วยสารอาหารในการบำรุงผิวโดยเฉพาะ, การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย, การสคลับผิวหรือพอกหน้าด้วยวัตถุดิบจากธรรมขาติที่หาได้ง่ายๆในบ้านหรือแม้กระทั่งการทำความสะอาดผิวก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการทำให้หน้าใสได้ง่ายๆด้วยธรรมชาติที่ไม่เพียงแค่ช่วยบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติได้ตามที่ใครหลายๆคนต้องการแล้ว ยังเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าให้ยังคงอยู่ ไม่ไปไหนได้อีกด้วย แต่วิธีทำให้หน้าใสด้วยธรรมชาติก็อาจจะไม่ได้เห็นผลชัดเจนหรือทันทีที่ใช้วิธีนี้ แต่ถ้าอดใจรอสักนิดและใช้วิธีนี้ไปอย่างต่อเนื่อง รับรองได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้ต้องทำให้ใครหลายๆคนติดใจ จนต้องใช้วิธีนี้อย่างต่อเนื่องอย่างแน่นอน

สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำให้หน้าใสด้วยวิธีที่ช่วยเซฟเงินในหระเป๋า แต่สามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ไม่ควรที่มองข้ามวิธีทำให้หน้าใสด้วยธรรมชาติวิธีนี้โดยเด็ดขาดเพราะสารพัดประโยชน์ที่อยู่ในธรรมชาติที่คุณเองก็สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตัวเอง เพียงแค่ลองนำเอาวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆตามธรรมชาติและหันมาดูแลใส่ใจผิวให้มากยิ่งขึ้น ง่ายๆเท่านี้คุณก็มีผิวที่กระจ่างใสได้ง่ายๆโดยไม่ต้องพึ่งวิธีการดูแลผิววิธีที่ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงอีกต่อไปแล้ว ใครที่ไม่ได้ลองนำเอาวิธีนี้ไปใช้ รับรองว่าต้องเสียใจอย่างแน่นอน

อ่านเพิ่มเติมที่นี้

สุนัขไม่ควรกินอะไร: คู่มืออาหารต้องห้ามสำหรับเจ้าตูบ

สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักและซื่อสัตย์ หลาย ๆ คนจึงชอบให้รางวัลพวกมันด้วยอาหารมนุษย์ แต่รู้หรือไม่ว่า อาหารบางชนิดที่เรากินนั้น เป็นอันตรายต่อสุนัข

บทความนี้จะช่วยคุณเรียนรู้เกี่ยวกับ อาหารต้องห้ามสำหรับสุนัข เพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันได้รับอันตรายจากการกินอาหารที่ไม่เหมาะสม

1. ช็อกโกแลต

ช็อกโกแลตเป็นอาหารอันดับต้น ๆ ที่ ห้ามให้สุนัขกิน ช็อกโกแลตมีสาร Theobromine ที่เป็นพิษต่อสุนัข สารนี้สามารถทำให้สุนัขมีอาการอาเจียน ท้องเสีย อุณหภูมิร่างกายสูง ชัก หัวใจเต้นเร็ว และอาจเสียชีวิตได้

ปริมาณช็อกโกแลตที่เป็นอันตรายต่อสุนัข:

  • ช็อกโกแลตดำ: 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • ช็อกโกแลตนม: 2 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • ช็อกโกแลตขาว: 4 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ตัวอย่าง: สุนัขน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินช็อกโกแลตดำ 10 กรัม (ประมาณ 1 แท่ง) อาจเสียชีวิตได้

2. องุ่นและลูกเกด

องุ่นและลูกเกดเป็นอันตรายต่อสุนัข สารที่ทำให้เกิดพิษในองุ่นและลูกเกดยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่การกินองุ่นและลูกเกดอาจทำให้สุนัขไตวาย

ปริมาณองุ่นและลูกเกดที่เป็นอันตรายต่อสุนัข:

  • องุ่น: 1-3 ผลต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • ลูกเกด: 1-2 ผลต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ตัวอย่าง: สุนัขน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินองุ่น 10 ผล อาจเกิดไตวาย

3. ถั่วแมคคาเดเมีย

ถั่วแมคคาเดเมียเป็นอันตรายต่อสุนัข สารที่ทำให้เกิดพิษในถั่วแมคคาเดเมียยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่การกินถั่วแมคคาเดเมียอาจทำให้สุนัขมีอาการอาเจียน ท้องเสีย อ่อนแรง กล้ามเนื้อสั่นกระตุก อุณหภูมิร่างกายสูง และอาจเสียชีวิตได้

ปริมาณถั่วแมคคาเดเมียที่เป็นอันตรายต่อสุนัข:

  • ถั่วแมคคาเดเมีย: 1-2 เมล็ดต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ตัวอย่าง: สุนัขน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินถั่วแมคคาเดเมีย 2 เมล็ด อาจเกิดอาการพิษ

4. หัวหอมและกระเทียม

หัวหอมและกระเทียมมีสาร Thiosulphate ที่เป็นอันตรายต่อสุนัข สารนี้สามารถทำให้สุนัขเลือดจาง

ปริมาณหัวหอมและกระเทียมที่เป็นอันตรายต่อสุนัข:

  • หัวหอม: 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
  • กระเทียม: 5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม

ตัวอย่าง: สุนัขน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินหัวหอม 100 กรัม อาจเกิดภาวะเลือดจาง

5. อะโวคาโด

อะโวคาโดมีสาร Persin ที่เป็นอันตรายต่อสุนัข สารนี้สามารถทำให้สุนัขมีอาการอาเจียน ท้องเสีย อ่อนแรง

ปริมาณอะโวคาโดที่เป็นอันตรายต่อสุนัข:

  • อะโวคาโด: 1-2 ชิ้น

ตัวอย่าง: สุนัขน้ำหนัก 10 กิโลกรัม กินอะโวคาโด 1 ชิ้น อาจเกิดอาการอาเจียน

ขับถ่ายวันละกี่ครั้งจะดี


ขับถ่ายวันละกี่ครั้งจะดี

การขับถ่าย เป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนต้องทำ โดยปกติแล้ว คนเราควรขับถ่ายอุจจาระ วันละ 1-3 ครั้ง แต่จำนวนครั้งที่ขับถ่าย อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น

  • อาหารที่ทาน: อาหารที่มีใยอาหารสูง จะช่วยเพิ่มจำนวนการขับถ่าย
  • ปริมาณน้ำที่ดื่ม: การดื่มน้ำน้อย จะทำให้ท้องผูก
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกาย ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร
  • ยาบางชนิด: ยาบางชนิด อาจส่งผลต่อระบบขับถ่าย
  • ความเครียด: ความเครียด อาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร

การขับถ่ายที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้

  • อุจจาระมีสีเหลืองหรือน้ำตาลอ่อน
  • อุจจาระมีลักษณะนิ่ม ไม่แข็งหรือเหลว
  • ขับถ่ายได้ง่าย ไม่ต้องเบ่ง
  • ไม่มีอาการปวดท้อง
  • ไม่มีกลิ่นเหม็นมาก

หากมีการขับถ่ายผิดปกติ เช่น

  • ขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์
  • ขับถ่ายมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน
  • อุจจาระมีสีดำ แดง หรือขาว
  • อุจจาระมีลักษณะแข็ง เป็นก้อน
  • อุจจาระมีลักษณะเหลว เป็นน้ำ
  • ขับถ่ายยาก ต้องเบ่ง
  • มีอาการปวดท้อง
  • มีกลิ่นเหม็นมาก

ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

วิธีการดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีการขับถ่ายที่ดี

  • ทานอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ วันละ 8 แก้ว
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
  • จัดการความเครียด

การขับถ่ายที่ดี เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี ดังนั้น เราควรดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีการขับถ่ายที่ดี และมีสุขภาพที่แข็งแรง

นอกจากนี้ ยังมีคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขับถ่าย ดังนี้

  • ควรขับถ่ายเป็นเวลา เช่น หลังตื่นนอน หรือหลังทานอาหาร
  • ควรอยู่ในท่าที่สบาย เช่น นั่งยองๆ
  • ไม่ควรอ่านหนังสือหรือเล่นโทรศัพท์มือถือ ขณะขับถ่าย
  • ไม่ควรกลั้นอุจจาระ

การขับถ่ายที่ดี ส่งผลดีต่อสุขภาพ ช่วยให้รู้สึกสบายตัว และช่วยป้องกันโรคต่างๆ ดังนั้น เราควรดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีการขับถ่ายที่ดี และมีสุขภาพที่แข็งแรง

โรคเท้าเปื่อยที่มากับน้ำท่วม

โรคเท้าเปื่อยที่มากับน้ำท่วม


โรคเท้าเปื่อยที่มากับน้ำท่วม

ในช่วงฤดูฝนหรือเมื่อเกิดน้ำท่วม โรคเท้าเปื่อยมักจะเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย เนื่องจากสภาพอากาศที่ชื้นและน้ำที่สกปรก ทำให้เกิดเชื้อโรคและแบคทีเรียเจริญเติบโตได้ง่าย ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณเท้าเกิดการอักเสบ คัน แดง เปื่อย และลอก ในกรณีที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อนได้

สาเหตุของโรคเท้าเปื่อย

โรคเท้าเปื่อยเกิดจากปัจจัยหลายประการ ดังนี้

  • ความชื้น น้ำที่สกปรก และแช่น้ำเป็นเวลานาน จะทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าอ่อนแอและระคายเคืองได้ง่าย
  • เชื้อโรคและแบคทีเรีย เชื้อโรคและแบคทีเรียที่พบในน้ำที่สกปรก เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบบริเวณผิวหนังได้
  • โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง และโรคระบบประสาท ผู้ป่วยโรคเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อได้ง่ายกว่าคนปกติ

อาการของโรคเท้าเปื่อย

อาการของโรคเท้าเปื่อยมักเริ่มจากการคันบริเวณซอกนิ้วเท้า จากนั้นผิวหนังจะมีอาการแดง เปื่อย และลอก ในกรณีที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดอาการบวม แดง ร้อน กดเจ็บ และอาจมีหนองไหลออกมาได้

การรักษาโรคเท้าเปื่อย

การรักษาโรคเท้าเปื่อยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ โดยอาจใช้วิธีรักษาดังนี้

  • รักษาอาการเบื้องต้น เช่น ล้างเท้าให้สะอาดด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ เช็ดเท้าให้แห้ง และทายาแก้คันหรือยาฆ่าเชื้อ
  • รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา โดยอาจใช้ยาทาหรือยารับประทาน
  • รักษาโรคประจำตัวที่อาจทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย

การป้องกันโรคเท้าเปื่อย

การป้องกันโรคเท้าเปื่อยสามารถทำได้ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำเป็นเวลานาน
  • สวมรองเท้าและถุงเท้าที่สะอาดและแห้ง
  • ซักและตากถุงเท้าให้แห้งทุกครั้ง
  • รักษาความสะอาดของเท้าเป็นประจำ

โรคเท้าเปื่อยเป็นอาการที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาให้หายได้ หากมีอาการควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและทันเวลา