อาการมือชาเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนทำงาน โดยเฉพาะคนที่ทำงานที่ต้องใช้มือซ้ำๆ หรือเป็นเวลานาน เช่น พนักงานออฟฟิศ พนักงานโรงงาน พนักงานก่อสร้าง เป็นต้น อาการมือชาอาจเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์บกพร่อง เป็นต้น
สาเหตุของมือชาในคนทำงาน
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการมือชาในคนทำงาน คือ การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น
- การใช้มือซ้ำๆ หรือเป็นเวลานาน เช่น การพิมพ์งาน การใช้เมาส์คอมพิวเตอร์ การขับรถ การยกของหนัก เป็นต้น
- ท่าทางการทำงานที่ไม่ถูกต้อง เช่น การงอข้อมือมากเกินไป การกำมือแน่นเกินไป เป็นต้น
- น้ำหนักตัวที่มากเกินไป
- พันธุกรรม
นอกจากนี้ อาการมือชาในคนทำงานอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- โรคข้ออักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคข้ออักเสบเก๊าต์
- โรคเบาหวาน
- โรคไทรอยด์บกพร่อง
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เนื้องอกบริเวณข้อมือ
อาการของมือชา
อาการของมือชามักเกิดขึ้นบริเวณนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง โดยอาจมีอาการชา รู้สึกเสียวซ่า อ่อนแรง หรือหยิบจับสิ่งของไม่ถนัด โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นเฉพาะเวลาใช้งานมือ หรืออาจเกิดขึ้นตลอดเวลาก็ได้
วิธีป้องกันอาการมือชาในคนทำงาน
วิธีป้องกันอาการมือชาในคนทำงานสามารถทำได้ดังนี้
- ปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง เช่น หลีกเลี่ยงการงอข้อมือมากเกินไป การกำมือแน่นเกินไป เป็นต้น
- พักมือเป็นระยะๆ เมื่อใช้มือทำงานเป็นเวลานาน
- ออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อบริเวณข้อมือ
- ลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ตรวจสุขภาพประจำปีเป็นประจำ เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการมือชาที่อาจเกิดจากโรคอื่นๆ
การรักษาอาการมือชา
การรักษาอาการมือชาขึ้นอยู่กับสาเหตุของอาการ โดยหากเกิดจากสาเหตุที่แก้ไขได้ เช่น การใช้มือซ้ำๆ หรือเป็นเวลานาน การปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง เป็นต้น อาการมือชาอาจดีขึ้นได้เองโดยไม่ต้องรักษา แต่ในบางรายที่อาการมือชารุนแรง หรือเกิดจากสาเหตุที่ไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวาน เป็นต้น อาจจำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น
- การรับประทานยา เช่น ยาลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ
- การกายภาพบำบัด
- การผ่าตัด
ข้อควรระวัง
หากมีอาการมือชา ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้อาการมือชารุนแรงขึ้น และอาจส่งผลต่อการทำงานของมือได้