ไข้เลือดออกในหน้าหนาว

ไข้เลือดออกในหน้าหนาว

สาเหตุของไข้เลือดออกในหน้าหนาว

สาเหตุของโรคไข้เลือดออกในหน้าหนาว เกิดจากการที่ยุงลายตัวเมียสามารถแพร่พันธุ์ได้แม้ในฤดูหนาว โดยยุงลายตัวเมียสามารถวางไข่ได้แม้ในอุณหภูมิต่ำ เพียงแค่ 20 องศาเซลเซียสเท่านั้น ประกอบกับในฤดูหนาว ปริมาณน้ำฝนจะลดลง ทำให้ภาชนะต่างๆ ที่มีน้ำขังมีจำนวนลดลง ส่งผลให้ยุงลายมีแหล่งเพาะพันธุ์น้อยลง แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดการระบาดของโรคไข้เลือดออกได้ เนื่องจากยุงลายสามารถอยู่รอดได้นานหลายสัปดาห์ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น

อาการของไข้เลือดออกในหน้าหนาว

อาการของโรคไข้เลือดออกในหน้าหนาว ไม่ได้แตกต่างจากอาการของโรคไข้เลือดออกที่พบในช่วงฤดูฝน โดยอาการจะเริ่มต้นจากการมีไข้สูงเฉียบพลัน 38-40 องศาเซลเซียส ร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ตาแดง อาจมีเลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล หรือเลือดออกตามผิวหนังได้ โดยอาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 5-7 วัน แต่หากมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด เลือดออกตามไรฟันมาก หรือมีเลือดออกในอวัยวะต่างๆ ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้

การป้องกันไข้เลือดออกในหน้าหนาว

การป้องกันโรคไข้เลือดออกในหน้าหนาว สามารถทำได้ด้วยการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ซึ่งได้แก่ ภาชนะที่มีน้ำขัง เช่น แจกันดอกไม้ จานรองขาตู้กับข้าว กระถางต้นไม้ ท่อระบายน้ำ เป็นต้น โดยสามารถกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายได้ดังนี้

  • ปิดฝาภาชนะที่มีน้ำขังให้มิดชิด
  • เปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้หรือภาชนะที่มีน้ำขังทุกสัปดาห์
  • ใส่ทรายอะเบทหรือสารเคมีกำจัดลูกน้ำในภาชนะที่มีน้ำขัง
  • ทำความสะอาดท่อระบายน้ำไม่ให้มีน้ำขัง

นอกจากนี้ ควรหมั่นทายากันยุงหรือฉีดพ่นยากันยุงเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด นอกจากนี้ยังควรสวมเสื้อผ้าที่มิดชิดเพื่อป้องกันยุงกัด โดยเฉพาะในช่วงหัวค่ำและรุ่งเช้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยุงลายชุกชุม

การรักษาไข้เลือดออกในหน้าหนาว

การรักษาโรคไข้เลือดออกในหน้าหนาว สามารถทำได้ด้วยการให้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด และยาปฏิชีวนะ โดยผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำให้มากๆ หากมีอาการรุนแรง เช่น มีไข้สูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด เลือดออกตามไรฟันมาก หรือมีเลือดออกในอวัยวะต่างๆ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

ข้อควรระวังในการรับวัคซีนไข้เลือดออก

ปัจจุบันมีวัคซีนไข้เลือดออกที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในประเทศไทย โดยวัคซีนไข้เลือดออกมี 2 ชนิด คือ

  • วัคซีนเชื้อเป็น (live attenuated vaccine) ผลิตจากเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ 1 2 3 และ 4 ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 4 เข็ม ห่างกัน 2-4 สัปดาห์
  • วัคซีนเชื้อตาย (inactivated vaccine) ผลิตจากเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ 1 2 3 และ 4 ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 3 เข็ม ห่างกัน 4-6 สัปดาห์

วัคซีนไข้เลือดออกสามารถป้องกันโรคไข้เลือดออกได้ประมาณ 50-80% อย่างไรก็ตาม วัคซีนไข้เลือดออกยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อเชื้อไวรัสเดงกีทุกสายพันธุ์ได้ ดังนั้น การป้องกันโรคไข้เลือดออกด้วยวิธีอื่นๆ เช่น การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และการป้องกันไม่ให้ยุงกัด ยังคงมีความสำคัญ

สรุป

แม้ว่าโรคไข้เลือดออกจะพบได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาว ก็ยังมีโอกาสเกิดการระบาดของโรคได้เช่นกัน เนื่องจากยุงลายตัวเมียสามารถแพร่พันธุ์ได้แม้ในฤดูหนาว ดังนั้น จึงควรหมั่นกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย และป้องกันไม่ให้ยุงกัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดโรคไข้เลือดออก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *